วันอังคารที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2551

*** U_U ใครได้รับ FORWARD MAIL ของเจ๊แชมป์แล้วคิดว่าเป็นจริงรึเปล่า -/I- บอกความจริงหน่อย

นู๋ไหว้ละ...ช่วยส่งต่อให้นู๋ทีนะคะ

T^T

ขอร้อง...นู๋ด้วยเถอะคะ
โรงเรียนเทพพิทักษ์วิทยา จ.แพร่

วันที่ 3 มีนาคม 2551

กราบเรียนซิสเตอร์คณะภคินีพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าแห่งกรุงเทพฯ
ข้าพเจ้าเป็นตัวแทนของคณะครู ผู้ปกครองและนักเรียนส่วนหนึ่งของโรงเรียนเทพพิทักษ์วิทยาจังหวัดแพร่มีความอัดอั้นตันใจ ทุกข์ร้อนขอร้องเรียนเพื่อขอความเป็นธรรม ในเรื่องการวางตัวและการปฏิบัติตัวและการครองตนของ ซิสเตอร์นิภา เรืองวุฒิชนะพืช ผู้จัดการครูใหญ่โรงเรียนเทพพิทักษ์วิทยา ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ถวายตัวเป็นนักบวชแล้วควรจะมีใจเที่ยงธรรมโอบอ้อมอารี มีความเป็นแม่พระรู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เห็นอกเห็นใจผู้อื่น มีเมตตา รู้จักให้โอกาสและให้อภัยเหมือนกับนักบวชทั่วไป ไม่ใช่เห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ เน้นหาเงินอย่างเดียวไม่มีความเป็นผู้นำ มีแต่พระเดชไม่มีพระคุณ ไม่ให้เกียรติครู ชอบด่าครูต่อหน้าเด็กนักเรียน ทำให้ความศักดิ์สิทธิ์ของครูลดลงแล้วกลุ่มคณะของข้าพเจ้า มีความอัดอั้นตันใจ ที่ซิสเตอร์นิภา เรืองวุฒิชนะพืช ได้กระทำและปฏิบัติต่อครู นักเรียนในโรงเรียนเทพพิทักษ์วิทยาดังนี้
- ซิสเตอร์นิภา ชอบใช้คำพูดตำหนิว่ากล่าวครูต่อหน้าเด็กนักเรียน ชอบใช้อารมณ์ของตนเองเป็นที่ตั้ง
- ชอบออกคำสั่งตามใจตนเอง เห็นแก่ประโยชน์ของตัวเองเป็นหลักแต่เอาพระมาอ้าง
- เอาครูดุริยางค์ที่เป็นคนของตนเองมาทำงานในโรงเรียนให้สิทธิ์ทุกอย่างเกินกว่าครูปกติพึงได้รับ เช่น ไม่ต้องมีคาบสอน ให้ที่พักหลับนอน ไม่ต้องลงเวลาทำงาน จะทานข้าวตอนไหนก็ได้ ไม่ต้องมีเวรรักษาการเหมือนครูท่านอื่นๆ ทำตัวตามสบายไม่สนครูท่านอื่นๆ นอกจากซิสเตอร์นิภาคนเดียวที่จะออกคำสั่งได้ ซึ่งถ้าตรงกันข้ามครูท่านอื่นปฏิบัติตนแบบนี้บ้างก็คงจะอยู่ไม่ได้คงจะเรียกมาตำหนิและไล่ออกมานานแล้วตรงกับคำที่ว่าค่าของคนอยู่ที่คนของใคร
- ซิสเตอร์นิภา ไม่เก่งวิชาการ กลับกลอก เปลี่ยนแปลงคำพูดของตัวเองอยู่ตลอดเวลาตามอารมณ์ หูเบา เชื่อคนง่ายไม่มีเหตุผล ฟังความข้างเดียว ฟังแต่พวกพ้องของตนเอง
- หาผลประโยชน์จากโรงเรียนซึ่งเป็นสถาบันของพระเจ้า กอบโกยเงินเข้ากระเป๋าของตนเองทุกสิ่งทุกอย่างในโรงเรียนไม่ว่าจะเป็นการเรียนการสอน กิจกรรม อาหาร ขนม เครื่องดื่ม ขายเองหมดและเอาเงินเข้ากระเป๋าตนเองโดยทุกอาทิตย์จะให้คนขับรถคนสนิทพาเข้ากรุงเทพฯเอาเงินไปเก็บจะเป็นอย่างนี้ทุกอาทิตย์
- เวลาครูท่านไหนพูดไม่ถูกหู ถูกตาตัวเองหรือพรรคพวกตัวเอง ก็จะสั่งให้ออกจากงานหรือปลดจากตำแหน่งบ้าง ให้ไปทำงานในครัว ( ร้านขนม ) บ้าง
- ให้ครูพี่เลี้ยงอนุบาลมาเป็นพนักงานขายของและตักอาหารให้นักเรียน พอขายเสร็จก็ให้ไปทำความสะอาดตึกอนุบาล ล้างจานเด็ก ล้างห้องน้ำ ถูพื้นเป็นประจำ
- เอาครูมาขายชิพ ( แลกเงิน ) ซึ่งหน้าที่นี้น่าจะเป็นหน้าที่ของพนักงาน ไม่รู้จักแยกแยะหน้าที่ให้เหมาะสม
- ในวันหยุด วันเสาร์ บังคับ ให้ครูมาทำงานทุกๆ เสาร์ ถ้าเสาร์ไหนซิสเตอร์นิภา ไปกรุงเทพฯ ก็จะโทรมาตรวจเช็คชื่อครูอยู่ตลอดเวลาว่าครูอยู่ครบไหม ทำงานอะไรบ้าง ทำงานตามที่ซิสเตอร์สั่งไหม ให้เขียนรายงานส่งทุกเสาร์ บางครั้งให้ครูไปปลูกต้นไม้ ขุดดิน เก็บไม้มาทำฟืน ให้ทำทุกอย่างตามแต่ใจตัวเองปรารถนาที่จะให้ทำ
- ในวันเสาร์ครูท่านใดมาทำงานหลัง 8.30 นาที จะโดนปรับ 50 บาท วันทำงานปกติจันทร์ถึงศุกร์หลัง 7. 30 นาที ปรับ 50 บาท ลืมเซ็นสมุดบันทึกการสอนปรับ 50 บาท ครูท่านใดบันทึกการสอนแล้วอ่านไม่รู้เรื่องปรับ 30 บาท รับประทานอาหารในห้องพักครูปรับ 50 บาท ครูท่านใดไม่จ่าย จะเรียกพบเป็นการส่วนตัว ทำเหมือนกับไม่ใช่ครู ไม่ใช่สถานศึกษาแต่เป็นโรงงานมากกว่า
- ไม่ชอบครูท่านใดหรือไม่ถูกใจใครจะพยายามหาเรื่องใส่ร้ายต่างๆ นานาโดยที่ครูท่านนั้นไม่มีสิทธิที่จะแก้ตัวและไม่ยอมฟังการอธิบายเหตุผล “ทำตัวเป็นฮิตเลอร์” กลับชาติมาเกิด จอมเผด็จการให้ท้ายครูและยุ-ยงให้ครูแตกแยกกันเป็นพรรคเป็นพวก แบ่งแยกเป็นกลุ่มเป็นก้อนอย่างเห็นได้ชัด (สุดที่จะทน) แทนที่จะสร้างความสามัคคีให้กับคณะครู ซึ่งซิสเตอร์ไม่สมควรกระทำ
- การสั่งงานครูหรือมอบหมายงานจะเป็นลักษณะนึกขึ้นได้ก็สั่งไม่เป็นกิจลักษณะ ไม่เป็นลายลักษณ์อักษรเช้าสั่งอย่างเย็นสั่งอย่าง ไม่เป็นบรรทัดฐานการบริหารงานเลย
- ตั้งแต่ซิสเตอร์นิภา มาเป็นครูใหญ่ คนงานลาออกไปแล้ว 50 คนเป็นอย่างน้อย และครูอีกจำนวนหนึ่งมีทั้งสั่งให้ออกบ้าง ลาออกเองบ้างเพราะทนถูกกดขี่ไม่ไหวเนื่องจากอารมณ์ที่ผันแปรอยู่เสมอ
- สำหรับเด็กหอพักใช้งานเยี่ยงทาสในเรือนเบี้ย ยิ่งเป็นนักเรียนหอหญิงในระดับชั้นมัธยมก็จะให้มาขายของตอนเช้าหรือตอนพักบ้าง แม้แต่ในคาบเรียนบ้าง บางครั้งยังให้เด็กในหอหญิงมาช่วยใส่ขนมปี๊บ แบ่งออกมาเป็นถุงเล็กๆ และขนาดแต่ละถุงมีขนมในนั้นเพียงเล็กน้อยไม่สมกับราคาขาย ซึ่งขายในราคาเพียงถุงละ 5 บาท บางครั้งก็ให้เด็กช่วยทำอาหารในครัวบ้าง หั่นผัก หั่นหมู ล้างจานบ้าง หลายครั้งเด็กก็ไม่มีโอกาสได้ไปทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายในห้องเรียน หรือทบทวนบทเรียน หรือพบปะเพื่อนๆ เหมือนเด็กนักเรียนทั่วๆ ไป
- อาหารที่ขายให้เด็กทานไม่มีคุณภาพ และไม่สะอาด เพราะซิสเตอร์นิภาเน้นความรวดเร็วลงทุนน้อยแต่ได้กำไรมาก เช่นทำก๋วยเตี๋ยว น้ำก๋วยเตี๋ยวมีแต่ไข่กับหัวผักกาดเช่นเดียวกับน้ำสุกี้ หมูที่ทำอาหารเอาหมูเศษที่ติดมันที่บดสำเร็จแล้วมาทำขาย ทุกอย่างรวมกันเน้นผักกับไข่
- ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ เดิมที่เด็กจะซื้อน้ำขวด (เนสท์เล่,น้ำทิพย์) น้ำหวานที่ผสมขายเช่นน้ำเก๊กฮวย น้ำกระเจี๊ยบ น้ำลำไย ขายแก้วละ 5 บาท เป็นแก้วพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง แต่พอหลังๆ มาซิสเตอร์นิภาเห็นว่าการซื้อแก้วพลาสติกเสียค่าใช้จ่ายมาก กำไรลดลงเลยมีนโยบายใช้แก้วพลาติกแบบไม่ต้องทิ้งสามารถล้างแล้วนำกลับมาใช้อีก มาให้นักเรียนตั้งแต่ป.1 ถึงมัธยม 3 ใช้ ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าเรื่องนี้สมควรทำเป็นอย่างยิ่งแต่เนื่องจากตอนแรกบอกว่าแจกฟรีและยกเหตุผลว่าช่วยลดขยะในโรงเรียนแต่พอหลังๆ มาด้วยนิสัยของเด็กซึ่งมักชอบความสะดวกสบายไม่เอาแก้วที่แจกมาเข้าแถวซื้อน้ำหวานแต่กลับหันกลับไปซื้อน้ำขวดของน้ำทิพย์ หรือเนสท์-เล่ ราคาขวดละ 6 บาทแทน ด้วยความที่เด็กชอบความสะดวกสบายจึงทำให้ส่งผลกระทบน้ำหวานซิสเตอร์นิภาที่สั่งให้ผสมขาย แต่ขายไม่ค่อยได้ จึงทำให้ยอดขายตก ซิสเตอร์นิภาจึงประกาศให้ครูเก็บแก้วพลาสติกที่แจกไปคืน ส่วนคนที่ไม่มีแก้วคืน ซิสเตอร์นิภาสั่งให้เก็บเงินค่าแก้ว แก้วละ 7 บาททุกคนทุกระดับชั้น (เดิมทีบอกแจกฟรี) และสั่งงดขายน้ำดื่ม (น้ำเปล่าเนสท์เล่,น้ำทิพย์) ขวดละ 6 บาท เพราะต้นทุนสูงกำไรน้อยถ้าไม่มีน้ำขวดพวกนี้เด็กก็คงกลับมาซื้อน้ำหวานที่ผสมเอง (ซึ่งซิสเตอร์เคยพูดก่อนหน้านี้ว่าไม่สนับสนุนให้นักเรียนทานอาหารที่หวานๆ ) เพราะต้นทุนถูกกว่ากันมากและให้เหตุผลกับครูนักเรียนว่าช่วยผู้ปกครองลดค่าใช้จ่าย เพราะน้ำขวด 6 บาทแพง และจะติดตั้งถังน้ำเย็นเพิ่ม (ปกติถังน้ำเย็นที่มีอยู่แล้วก็ไม่เสียบปลั๊กไฟเพราะกลัวเปลืองไฟ)
- ทางโรงเรียนได้มีการลดขนาดของแก้วพลาสติกใสที่ใส่น้ำหวานลง (10 ออนซ์) เหลือแก้วเล็กกว่าเดิม แก้วที่ปรับเปลี่ยนใหม่เดิมทีข้างนอกโรงเรียนขายแก้วละ 3 บาท (ขนาด 6 ออนซ์) แต่โรงเรียนขายแก้วละ 5 บาท ซึ่งไม่เหมาะสมกับโรงเรียนที่ให้การศึกษา และส่งเสริมพัฒนาการทางด้านร่างกาย ที่เด็กนักเรียนมีกำลังซื้อเพียงน้อยนิด ดูเหมือนเป็นการเอารัดเอาเปรียบกับเด็กนักเรียนมากไป
- เมื่อซิสเตอร์นิภาไปอ่านข้อความในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง เจอข้อความของกระทรวงศึกษาธิการเรื่องการเก็บแฟ้มสะสมผลงานเพื่อนำไปใช้ในเวลาไปเข้าศึกษาต่อในระดับชั้นอื่น ก็นำมาเล่าให้นักเรียนฟังในตอนเข้าแถวเคารพธงชาติตอนเช้าแล้วก็เป็นช่องทางหาเงินอีกทางหนึ่งคือซิสเตอร์นิภาก็ไปซื้อแฟ้มพลาสติกในสำเพ็ง ที่กรุงเทพฯ ในราคา 40 บาทมาขายให้นักเรียนทุกระดับชั้นตั้งแต่ป.1-ม.3 ทุกคนต้องซื้อและมอบภาระให้ครูประจำชั้นรับผิดชอบนับตามจำนวนนักเรียนของห้องตนเอง ขายให้แก่เด็กในราคา 80 บาท ให้ครูประจำชั้นเก็บเงินส่ง เด็กนักเรียนและผู้ปกครองส่วนมากรู้ราคาต้นทุนสินค้าและราคาท้องตลาด ในร้านเครื่องเขียนทั่วไปขายหน้าร้านเพียง 40 บาท แต่ซิสเตอร์นิภาขายให้นักเรียนในราคา 80 บาท คิดว่าราคาซื้อแฟ้มมาจากกรุงเทพฯ ในจำนวนมากๆ คงจะได้ราคาถูกกว่า 40 บาท/แฟ้ม แน่นอน ผู้ปกครองได้เขียนจดหมายร้องเรียนแต่แล้วก็ไม่เป็นผล

- ตอนจัดกิจกรรมปัจฉิมมัธยม 3 ที่เขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ ได้เก็บเงินนักเรียนมัธยม 3 คนละ 700 บาทใครไม่ไปใครไม่จ่ายเรียกพบเป็นรายบุคคล และแจ้งว่าจะให้เด็กทานอาหารเมนูปลาทุกมื้อเนื่องจากที่นั่นเป็นเขื่อน แต่พอเด็กไปแล้วปลาตัวนึงก็ยังไม่ได้รับประทาน การไปปัจฉิมครั้งนี้แทนที่จะให้ครูประจำชั้นของนักเรียนไปร่วมควบคุมนักเรียนเพราะรู้จักและผูกพันกับเด็กนักเรียนดี แต่ซิสเตอร์นิภากับให้ครูที่เป็นพวกพ้องของตนเองที่สอนในระดับชั้นอื่นที่ไม่ได้สอนเด็กในชั้นมัธยม 3 และไม่มีความรักความเข้าใจกับเด็กไปควบคุมเด็กแทน และอาหารที่ให้เด็กรับประทานก็ไม่ได้สั่งทำตามร้านอาหารในจังหวัดอุตรดิตถ์ที่ได้ตกลงไว้ แต่ได้ให้ครูคนสนิททำให้เด็กรับประทานและซื้อของมาปรุงอาหารทำกันเองเพราะราคาถูกกว่าและประหยัดกว่าไม่สิ้นเปลืองเงินเข้ากระเป๋ามากนัก เอาอาหารเก่าในมื้อเช้ามาให้เด็กรับประทานในตอนมื้อเที่ยงผลปรากฏว่าเด็กนักเรียนจำนวนมากเกิดอาหารเป็นพิษและท้องเสียจนกระทั่งเจ้าหน้าที่เขื่อนสิริกิติ์ แจ้งให้สาธารณะสุขจังหวัดอุตรดิตถ์มาตรวจสอบ แต่ซิสเตอร์นิภา ก็ได้เข้าไปคุยไกล่เกลี่ยจนเรื่องจบลงที่นั่นและได้สั่งห้ามเด็กนักเรียนไม่ให้พูดเรื่องที่เกิดขึ้นกับใครทั้งสิ้นแม้กระทั่งผู้ปกครองหรือคนที่ไม่ได้ไปร่วมปัจฉิมในครั้งนี้ เรื่องจึงจบลงครูที่รู้เรื่องนี้ก็เป็นครูสนิทที่คัดเลือกไปเท่านั้น ส่วนนักเรียนบางคนเล่าให้ผู้ปกครองฟังเกี่ยวกับอาหารเป็นพิษและท้องเสียผู้ปกครองเลยมาร้องเรียนซิสเตอร์ ซิสเตอร์นิภาก็ได้ให้ครูกลุ่มที่ไป เข้าไปไกล่เกลี่ยจนผู้ปกครองยอมอ้างเหตุผลที่ว่าเด็กอาหารเป็นพิษและท้องเสียมีไม่กี่คนและนักเรียนส่วนมากสร้างสถานการณ์แอบอ้างว่าท้องเสียเท่านั้นเองเพื่อไม่อยากเข้าร่วมกิจกรรม พอเอายาให้ทานก็บอกว่ายานี้ไม่เคยรับประทาน เลยใช้คำพูดกับเด็กหยาบๆ ว่า “ตอแหล”
- ซิสเตอร์นิภาได้เก็บเงินค่าปัจฉิมมัธยม 3 ในจำนวน 700 บาท แต่นักเรียนบางคนไม่ได้ไปเข้าร่วมปัจฉิมด้วย ( เนื่องจากเหตุผลบางประการ) เด็กนักเรียนจึงปรึกษาครูประจำชั้นเพื่อขอเงินคืน ครูประจำชั้นจึงได้แจ้งให้ซิสเตอร์นิภาได้ทราบ แต่ซิสเตอร์นิภาได้ตอบกลับว่าถ้าเด็กนักเรียนคนไหนจะรับเงิน 700 บาทคืน ให้ไปพบคุยเป็นการส่วนตัวและได้มีผู้ปกครองมาติดต่อขอรับเงิน 700 บาทคืนกับซิสเตอร์นิภาแต่ซิสเตอร์นิภาได้อ้างว่าจะขอคุยกับเด็กเองผู้ปกครองเลยจนปัญญาที่จะพูดคุยต่อ
- มีเด็กนักเรียนระดับมัธยม 1 ที่อ่อนภาษาอังกฤษ ซิสเตอร์นิภาจึงสั่งให้ครูประจำชั้นสำรวจจำนวนเด็กนักเรียนมาได้จำนวนหนึ่งแต่มีจำนวนน้อยไม่มากพอที่จะจัดกิจกรรมนี้ จึงให้ครูไปคัดนักเรียนที่ไม่ได้อ่อนภาษาอังกฤษมาเพิ่มให้ได้จำนวนมากขึ้นแล้วจัดกิจกรรมภาษาอังกฤษในระยะเวลา 1 วันกับ 1 คืนดูผิวเผินเหมือนจะหวังดีกับเด็กให้เด็กได้เก่งภาษาอังกฤษมากขึ้นแต่กับการเก็บเงินนักเรียนจำนวน 150 บาท ในการเข้าค่ายภาษาอังกฤษ เด็กและผู้ปกครองบ่นกันมากและได้ร้องเรียนทางจดหมายแต่ก็ไม่ได้เป็นผล จะออกหน้าร้องเรียนเองก็ไม่ได้กลัวลูกถูกกลั่นแกล้ง ความจริงแล้วเด็กเข้าค่ายภาษาอังกฤษเป็นสิ่งที่ดี แต่ในการกระทำมันตรงกันข้าม ไม่จำเป็นต้องเก็บเงินก็ได้ถ้ารักเด็กจริงๆ ครูทุกคนยอมสอนหรือติวให้อยู่แล้วในวันปกติเด็กคนไหนอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ก็จะมีครูเข้าประกบสอนในเวลาพักอยู่แล้วเก็บเงินแบบนี้ภาพพจน์ของครูและสถาบันเสื่อมเสียกระแสที่เด็กได้เข้าค่ายออกไปแล้วพูดกันปากต่อปากไม่ได้ความรู้อะไรเพิ่มเติมเลยมีแต่ให้เข้าฐานและเล่นเกมส์สนุกไปเท่านั้น ตามเวลาที่กำหนดไม่คุ้มกับเงิน 150 บาทเลย
- กรณีเด็กคนไหนมาโรงเรียนสายแต่งกายผิดระเบียบขาดเรียนบ่อยไม่ยอมลงสระว่ายน้ำในชั่วโมงเรียน จะให้เด็กเหล่านี้ทำงานดังนี้ ขุดดิน พรวนดิน รดน้ำต้นไม้สวนหย่อม เก็บขยะ ถูพื้นอาคารเรียน ล้างจานในโรงอาหาร เก็บฟืน คัดแยกขยะเพื่อจะนำไปขาย ฯลฯ (โรงเรียนเป็นสถานศึกษาไม่ใช่มาทำงานในโรงงาน) ทำงานตามคำสั่งตลอดทั้งวันโดยไม่ให้เข้าเรียนเลยในวันนั้นบางครั้งถึงขนาดทำงาน 2-3 วันเลยก็มี (การทำโทษเป็นสิ่งที่ข้าพเจ้าเห็นว่าเหมาะสม แต่ไม่ใช่ให้นักเรียนทำงานทั้งวัน) อันที่จริงการทำโทษเด็กไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้โดยที่ไม่ให้เรียนทั้งวันแบบนี้ แต่การลงโทษทำได้บ้างพอให้เด็กเข็ดหลาบแต่ไม่ถึงขนาดให้ทำงานแทนคนงาน บางครั้งเด็กคนไหนไม่เรื่องมาก เรื่องก็จบลงด้วยดีและดูๆไปแล้วกลายเป็นความเคยชินและภาพที่เห็นเด็กที่กระทำผิดเช่นนี้ต้องทำงานแบบนี้อยู่เสมอ แต่เด็กนักเรียนบางคนที่ไม่พอใจได้บอกผู้ปกครอง ผู้ปกครองก็ได้โทรมาร้องเรียนแต่กลับถูกครูบอกว่าลูกคุณทำผิดบ่อยครั้งถูกตัดคะแนนจนหมด ก็จะสั่งพักการเรียนเป็นอย่างนี้อยู่เสมอทั้งๆ ที่เด็กบางคนที่ไม่เคยทำผิดมาก่อน ไม่เคยมาสายมาก่อน แต่เผอิญพึ่งมาสายเป็นครั้งแรกก็ต้องรับข้อกล่าวหาเหมือนกันหมด
- กรณีเรื่องพักการเรียนเด็กก็เหมือนกันอะไรนิดอะไรหน่อยก็ให้เด็กพักการเรียนทั้งๆ ที่ใกล้จะสอบ บางคนใกล้จบก็ไม่มีข้อยกเว้นเพราะเหตุผลว่าตามใจฉัน
- เวลาเด็กมาเข้าเรียนกลางภาคเรียนซึ่งเป็นเด็กมีปัญหามาจากโรงเรียนอื่นก็รับไว้เพราะรับเงินใต้โต๊ะจากผู้ปกครองขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 10,000 บาท ผลสุดท้ายเด็กกลับมาสร้างปัญหาให้กับโรงเรียนในภายหลัง จนต้องให้ครูผู้สอน หรือครูประจำชั้นตามแก้ปัญหาและหาคะแนนมาเพิ่มให้
- ตอนงานคริสต์มาสบรรดาพ่อค้าแม่ค้าห้างร้านต่างๆที่ทางโรงเรียนได้ใช้บริการเป็นประจำได้เอาของที่ระลึกเป็นของขวัญคริสต์มาสมามอบให้ทางโรงเรียนเพื่อเป็นมิตรจิตมิตรใจเป็นไมตรีที่ดีต่อกันมีทั้งทีวี ตู้เย็น ไวโครเวป หม้อหุงข้าว ของกินของใช้ต่างๆ ซึ่ง เป็นของดีทั้งนั้นซิสเตอร์นิภาก็ได้ให้คนงานคนสนิทเก็บเอาขึ้นห้องพักส่วนตัวหมดแล้วพอเวลาจะกลับลงกรุงเทพฯ ก็ขนกลับแทบไม่หวั่นไม่ไหวใครพบใครเห็นก็อดสมเพสไม่ได้นี่หรือสิ่งที่นักบวชเขาทำกัน
- ในกรณีเด็กนักเรียนเรียนว่ายน้ำก็ให้ครูผู้ควบคุมเก็บชุดว่ายน้ำที่นักเรียนลืมทิ้งไว้ให้คนงานซักทำความสะอาดแล้วนำกลับไปให้ประชาสัมพันธ์โรงเรียนนำกลับไปให้นักเรียนเช่าในกรณีเด็กนักเรียนคนไหนที่ลืมเอาชุดว่ายน้ำมา ซึ่งคิดค่าเช่าชิ้นละ 5 บาท ครูบางท่านอดสมเพสไม่ได้ จึงนำชุดว่ายน้ำที่เด็กลืมทิ้งไว้มาให้กับเด็กนักเรียนที่ขาดแคลน เด็กนักเรียนที่ขาดทุนทรัพย์ เพื่อเป็นการสร้างกุศลดีกว่าขูดเลือดกับปู
- เอากระดาษ 100 ปอด์น มาขายให้นักเรียนแผ่นละ 20 บาท
- เอากาแฟสำเร็จรูปพร้อมแก้วใช้แล้วทิ้งมาบริการขายให้ครูชุดละ 5 บาท แต่ได้เก็บแก้วที่ทิ้งเสร็จแล้วนำกลับมาล้างใหม่ ใช้ไดร์เป่าผมเป่าให้แห้งแล้วนำมาขายให้ครูอีกทีเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
- ในขณะเดียวกันเวลาเจ้าหน้าที่จากเขตพื้นที่การศึกษามาตรวจหรือเจ้าหน้าที่ต่างๆของทางจังหวัดเข้ามาตรวจเยี่ยมโรงเรียน ซิสเตอร์นิภาจะให้ครูบ้าง คนงานบ้าง ขับรถเข้ากรุงเทพฯ ทุกครั้งไป ไม่เคยอยู่พบเจ้าหน้าที่ซักครั้งเลยไม่รู้ด้วยเหตุผลประการใด
- เงินขายของหรือเงินรายได้ต่างๆ ภายในโรงเรียนไม่เคยเข้าบัญชีการเงินของโรงเรียนเลยเว้นแต่เงินค่าเทอมเด็กและค่าสอนพิเศษเด็กเท่านั้นเงินรายได้ส่วนอื่นๆ อาทิเช่น เงินขายชิพ เงินขายอาหาร ขนม น้ำดื่ม ของในสหการโรงเรียน ค่าถ่ายเอกสาร ใบงานต่างๆ ของโรงเรียนและครู ค่ากิจกรรมพิเศษต่างๆ ซึ่งเงินในระยะ1 สัปดาห์ก็เป็นหลักแสน ไม่รู้เงินส่วนนี้อยู่ที่ไหน?
- โรงเรียนเทพพิทักษ์วิทยาจัดงานครบรอบ 40 ปี ( เดือนมกราคม 2550) มีงานเลี้ยงโต๊ะจีนของครู ผู้ปกครอง ศิษย์เก่าโต๊ะละ 1,800 บาท อาหาร 5 อย่างผู้ปกครองและศิษย์เก่าร้องเรียนอาหารไม่สมกับราคา 1,800 บาทและในงานเดียวกันนี้มีการแจกของที่ระลึกเป็นจานรองแก้วเพ้นท์ลายให้กับแขกผู้เข้าร่วมงานแต่แล้วในเวลาต่อมาจานรองแก้วที่แจกเหลือจำนวนมากเลยให้ครูกลุ่มสาระการงานอาชีพฯนำไปขายให้กับเด็กในราคาจานละ 5 บาทตั้งแต่ ป.4 – ม.3 เพื่อนำเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง (ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าจานรองแก้วนี้ น่าจะนำไปเป็นของที่ระลึกในโอกาสพิเศษต่างๆ หรือเป็นของขวัญ ฯลฯ ไม่สมควรนำมาขายให้กับเด็ก)
- วันที่ 26 มกราคม 2551 โรงเรียนเทพพิทักษ์วิทยามีงานเปิดตึกอนุบาลใหม่ ทางโรงเรียนได้จัดงานหารายได้เพิ่มด้วยการขายโต๊ะจีนอีกแต่คราวนี้เด็กและผู้ปกครองรวมทั้งศิษย์เก่าแจ้งความจำนงไม่ซื้อบัตรโต๊ะจีนให้เหตุผลว่าไม่คุ้มค่าอาหารไม่ดี ไม่สมราคา ในครั้งนี้ราคาโต๊ะธรรมดาขายอยู่ที่ 1,600 บาท ส่วนโต๊ะVIP 3,000 บาท ยอดขายบัตรโต๊ะจีนจึงไม่เข้าเป้าซิสเตอร์นิภาเลยแจ้งกับหัวหน้าฝ่ายว่า ถ้าขายบัตรไม่หมดจะไม่ขึ้นเงินเดือนให้ครู ครูจะต้องช่วยกันขายให้บัตรหมดโดยการบังคับให้ครูประจำชั้นขายบัตรให้กับเด็ก เด็กจึงจำใจกันรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ เก็บเงินกันคนละ 200 บาท เด็กก็มาร่วมงานแต่บางส่วนเสียสละเงินเปล่าๆ เพื่อตัดความรำคาญ และให้เด็กนักเรียน ครูเป็นฝ่ายบริการในงานเลี้ยงโต๊ะจีนพอเลิกงานก็ให้ครูเก็บอาหารที่เหลือจากโต๊ะจีนมารวมกันแล้วก็ให้มารับประทานกันหลังเลิกงาน
- โรงเรียนได้จัดให้คณะครูไปสัมมนา ฟื้นฟูจริยธรรมที่จังหวัดระยอง และกลัวเสียงบประมาณมากจึงให้ครูนั่งรถ 6 ล้อ ( รถสองแถวที่ไม่มีแอร์และพัดลม) ของโรงเรียนอัดกันไป จากจังหวัดแพร่ ไปจังหวัดระยองและจากจังหวัดระยองกลับจังหวัดแพร่ดูความใจดำของซิสเตอร์นิภา ส่วนตัวเองกลับนั่งรถดีๆ ทั้งไปและกลับ
- เวลามีปัญหาในโรงเรียนไม่ว่าจะเป็นปัญหาใดๆ ซิสเตอร์ไม่เคยที่จะพูดคุยโดยตรง แต่กลับให้ครูคนอื่นมาพูดแทน ( ใช้คนอื่นเป็นเครื่องมือ) ไม่ยอมให้เข้าพบ พยายามหนีหน้า บ่ายเบี่ยง ไม่ได้ทำตนให้เหมาะสมกับผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นนักบวช เป็นผู้บริหารระดับสูง หรือไม่ใช่สิ่งที่ผู้บริหารใช้ในการบริหาร ( ไม่เหมาะสมกับการเป็นผู้บริหาร)
- ฯลฯ
ท้ายที่สุดนี้ข้าพเจ้าและคณะครูนักเรียนผู้ปกครองหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจดหมายที่ข้าพเจ้าและคณะได้เขียนมาร้องเรียนฉนับนี้คงจะได้ประโยชน์ต่อสถาบันองค์กรขององค์พระผู้เป็นเจ้าบ้างไม่มากก็น้อยและที่สุดต่อโรงเรียนบุคลากรของโรงเรียนเทพพิทักษ์จังหวัดแพร่ ซึ่งเป็นโรงเรียนในสังกัด สังฆมณฑลเชียงใหม่เป็นโรงเรียนคาทอลิกที่มีชื่อเสียงมายาวนานกว่า 40 ปี และได้สร้างบุคคลากรที่มีคุณภาพต่อสังคมจังหวัดแพร่และต่อประเทศชาติอย่างมากมาย จะยอมปล่อยให้การบริหารจัดการตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ต่อไปได้หรือ? ข้าพเจ้าและคณะครู บุคลากร นักเรียน ผู้ปกครองและศิษย์เก่าส่วนหนึ่งขอร้องเรียนมายังท่านเพื่อให้ท่านรับรู้การกระทำของซิสเตอร์นิภา เรืองวุฒิชนะพืช และให้ผู้ใหญ่ที่มีอำนาจเหนือซิสเตอร์ได้ตรวจสอบการกระทำของซิสเตอร์ท่านนี้โดยด่วน เพื่อทำการใดๆ อันเป็นความกระจ่างชัด เพื่อสถาบันแห่งนี้จะได้เจริญพัฒนาขึ้นในการเป็นสถานศึกษาที่ให้ความรู้ทั้งทางด้านร่างกาย สติปัญญา และจิตวิญญาณ และช่วยปกป้องลูกหลานขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งเป็นเมล็ดพืชขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้เกิดผลในทางที่ดีตามแนวทางพระผู้เป็นเจ้าได้ปูทางไว้



ขอกราบแสดงความนับถืออย่างสูง

อยากรู้ว่าใครส่งมา ได้รับFORWARD MAIL จากพี่แชมป์ ใครรู้ขยายความด้วย

วันอังคารที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2551

++++สอบนะ ตั้งใจกันหน่อยเซ่ะ+++++

+++ขึ้นม.1มาจะครบปี จนจะจบอยู่แล้ว

++++ตั้งใจสอบกันหน่อย

+++++ทำงานส่งให้ครบล่ะ

++++++ว่างๆมาอัพบล็อกด้วย

+++++++ทำข้อสอบได้ป่ะวันนี้อ่ะ

+++++++++ใครไปเทพพิทักษ์บ้าง

+++++++++++รู้ยังพ่อเบลล์รถคว่ำ

+++++++++++++ข้อสอบอังกฤษ ไทย สังคมง่ายอ่ะ

+++++++++++++++คณิตทำไม่ทันอ่ะ

++++++++++++++++ใครเรียนกับครูอัมพรเอางานมาส่งแล้วอยู่ต่อถึงบ่าย 3 วันพฤหัส

ปล.คนเขียนบล็อกยังทำงานเจ๊ไม่เสร็จอ่ะ

http://my.dek-d.com/yeee/story/view.php?id=360105

อย่าลืมเข้าไปดูนะ